ในปัจจุบันประเทศไทยได้เจอวิกฤติโรคระบาดครั้งใหญ่ โรคโควิด 19 นั้นเป็นไวรัสที่มีการแพร่ระบาดใหญ่เป็นวงกว้างทั่วโลก โดยรวมแล้วทั่วโลกมีผู้ป่วยโรคไวรัสชนิดนี้ถึง 100 ล้านรายเลยดีเดียว ทั้งยังมีผู้เสียชีวิตจากโรคระบาดนี้ถึง 2 ล้านราย สำหรับประเทศไทยนั้นแม้จะมีการป้องกันควบคุมโรคระบาดนี้อย่างเข้มงวดแล้วนั้นก็ยังพบการติดเชื้อสูงเช่นกัน ทั่วโลกได้รับผลกระทบจากวิกฤติครั้งนี้อย่างหนัก กรมควบคุมโรคจึงได้มีการคิดค้นวัคซีนเพื่อป้องกันการระบาดของไวรัสชนิดนี้ขึ้น ถือเป็นวาระแห่งชาติเลยก็ว่าได้ เพราะนี่เป็นปรากฏการณ์ครั้งแรกของวงการวิทยาศาสตร์และวงการแพทย์ที่มีการนำเทคโนโลยี mRNA มาใช้ผลิตวัคซีน หลายท่านอาจจะสงสัยว่า วัคซีน mRNA คืออะไร วัคซีนชนิด mRNA นั้นเป็นวัคซีนชนิดพันธุกรรม ชื่อเต็มๆของวัคซีนชนิดนี้คือ Messenger Ribonucleic Acid โดยสารพันธุกรรมนี้จะมีอยู่ในเซลล์ร่างกายของเราทำหน้าที่ออกคำสั่งให้เซลล์ผลิตโปรตีนขึ้นตามรหัสคำสั่งนั้นที่เป็นไปตามกลไกลของร่างกาย
หน้าที่หลักของ Messenger Ribonucleic Acid
หน้าที่หลักของการทำงานของวัคซีน mRNA นั้นมีหลักการในทำงานของวัคซีนป้องกันโรคโควิด 19 โดยวัคซีน mRNA คือการเอาชิ้นส่วนของสารพันธุกรรมของโควิด 19 ที่เป็นส่วนที่เกี่ยวข้องกับการสร้างโปรตีนของมนุษย์ โปรตีนส่วนที่เป็นปุ่มหนามของเชื้อไวรัส นำมาสังเคราะห์เป็นคำสั่งที่เรียกว่า S-spike mRNA เมื่อวัคซีนชนิดนี้เข้าสู่ร่างกายของเราแล้วนั้น ร่างกายทำหน้าที่ผลิตตัวกระตุ้นภูมิคุ้มกันในร่างกายของเราให้รู้จักกับเชื้อโควิด และร่างกายจะสร้างภูมิคุ้มกันเพื่อป้องกันการเจ็บป่วย แต่สารพันธุกรรม mRNAจะไม่ส่งผลเสียกับร่างกายของเราในระยะยาวเพราะ สารพันธุกรรมชนิดนี้จะถูกขจัดออกจากร่างกายภายในเวลาไม่นาน จึงไม่สามารถสะสมหรือฝังตัวอยู่ในเซลล์ร่างกายของเรา
วัคซีนโควิดชนิด mRNAเป็นสารพันธุกรรมสังเคราะห์
โดยทั่วไปแล้วการฉีดวัคซีนนั้นถือเป็นการจำลองสถานการณ์การติดเชื้อ วัคซีนชนิด mRNA คือสารพันธุกรรมสังเคราะห์ที่ได้มีการจำลองมาจากสารพันธุกรรมของไวรัส แทนการใช้เชื้อตายของไวรัสมาใช้ในมนุษย์เป็นครั้งแรกของโลก หลังจากนั้นเมื่อเราฉีดวัคซีน mRNA กระตุ้นเข้าไปในร่างกายเราแล้วนั้น เซลล์ร่างกายของเราจะทำปฏิกิริยาโดยการสร้างภูมิคุ้มกัน โดยร่างกายของเราจะสร้าง S-protein ที่มีหน้าตาเหมือนกับพันธุกรรมของไวรัสโดยไม่เป็นอันตรายต่อเซลล์ร่างกายของมนุษย์และเพื่อกระตุ้นให้เกิดกระบวนการในการสร้างแอนติบอดีในร่างกาย
ข้อดีของวัคซีน mRNA
ข้อดีอย่างหนึ่งของวัคซีนชนิด mRNA คือ หากในกรณีที่ไวรัสเกิดการกลายพันธุ์นั้นหรืออาจจะเกิดการเปลี่ยนแปลงหน้าตาของ S-protein ไปจนถึงขั้นที่แอนติบอดีในร่างกายเราไม่สามารถเข้าไปทำลายเชื้อไวรัสโควิด 19 ได้ รหัสพันธุกรรมบน mRNAจะสามารถผลิตวัควีนตัวใหม่ได้ง่ายสามารถปรับปรุงและพัฒนาประสิทธิภาพของวัคซีนเพื่อป้องกันสำหรับเชื้อไวรัสกลายพันธุ์ได้ทันท่วงทีอีกด้วย
วัคซีนที่ใช้เทคโนโลยี mRNA
วัคซีนที่ใช้เทคโนโลยี mRNA คือ วัคซีนจากบริษัทไฟเซอร์ - ไบโอดอ็นเทค (Pfizer-BioNtech) และบริษัทโมเดอร์นา (Moderna) โดยสองบริษัทนี้จะใช้เทคโนโลยี mRNAในการผลิต วัคซีนสองยี่ห้อนี้สามารถป้องกันการติดเชื้อจากไวรัสโควิด 19 สูงถึง 95% ทั้งยังช่วยลดความรุนแรงจากอาการป่วยด้วยโรคโควิด 19 ได้มากกว่าวัคซีนชนิดเชื้อตาย
สิ่งที่ยังไม่สามารถระบุได้ชัดเจนเกี่ยวกับวัคซีน mRNA
สิ่งที่ยังไม่สามรถระบุได้แน่ชัดเกี่ยวกับวัคซีน mRNA คือ เรายังไม่ทราบว่าภูมิคุ้มกันจะอยู่ในร่างกายของเราได้นานเพียงใด และยังไม่ทราบแน่ชัดว่าประสิทธิภาพในการยับยั้งการติดเชื้อไวรัสโควิด 19 ซึ่งยังอยู่ในขั้นตอนการศึกษาเกี่ยวกับวัคซีนนั่นเอง
ทุกวันนี้ประเทศไทยของเรานั้นได้รับผลกระทบเป็นวงกว้างจากโรคระบาดชนิดนี้ ไม่ว่าจะทางตรงหรือทางอ้อมและนี่ก็เป็นอีกหนึ่งบทเรียนที่คนไทยหลายๆคนจะต้องมีการเรียนรู้ในการป้องกันตนเองจากไวรัสชนิดนี้ทั้งการแพร่กระจายของไวรัส ไม่ว่าจะเป็นการกักตัว การสร้างระยะห่างทางสังคม บาคาร่า หรือแม้แต่การสวมหน้ากาก วิธีการเหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งแปลกใหม่ที่คนไทยและทั่วโลกจะต้องเผชิญ ทั่วโลกยังคงฝากความหวังไว้กับวัคซีนเพื่อให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่ในกลุ่มประชากร
ผลข้างเคียงจากการฉีดวัคซีน
ผลข้างเคียงในการฉีดซีนอาจมีอาการใกล้เคียงกับการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ โดยอาการแพ้วัคซีนมักเกิดขึ้นภายใน 15 – 30 นาทีหลังจากได้รับวัคซีนดังนั้นผู้ที่รับวัคซีนต้องเฝ้าระวังอาการภายใต้การดูแลของแพทย์
ข้อแนะนำเบื้องต้นในการเตรียมตัวเพื่อฉีดวัคซีนคือ
การฉีดวัคซีนโควิด 19 หรือแม้แต่วัคซีนทั่วไปนั้นมีผลข้างเคียงที่ร่างกายเสมอ เช่น อาการปวดแขน ปวดกล้ามเนื้อ เกิดอาการเหนื่อยล้าหรือแม้กระทั่งมีไข้สูง ซึ่งอาการเหล่านี้เป็นปฏิกิริยาปกติในการตอบสนองของร่างกาย เพื่อเป็นการเตรียมตัวในการฉีดวัคซีนจึงถือเป็นเรื่องสำคัญอย่างมาก